เนื่องจากลองกองมีความต้องการสภาพพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มีความชื้นในอากาศสูง พื้นที่การปลูกลองกองจึงถูกจำกัดโดยสภาพแวดล้อม ผลผลิตของลองกองจึงมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ราคาผลผลิตจึงสูง ทำให้การปลูกลองกอง ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกไม้ผลอื่นๆ หลายชนิด
โดยผลของลองกอง จะมีลักษณะเป็นช่อสวยงาม เปลือกผลนุ่มคล้ายกำมะหยี่ เนื้อล่อนออกจากเปลือกได้ทั้งผล เมล็ดน้อย หรือไม่มีเลย มีกลิ่นหอม และมีรสหวานชื่นใจ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินบี และฟอสฟอรัส มีสรรพคุณในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ตัวร้อน ลดอาการร้อนในช่องปาก จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดภายใน และตลาดต่างประเทศ
แต่ในปีนี้ ปรากฏว่า ลองกองมีราคาตกต่ำมาก โดยมีราคารับซื้อหน้าสวนประมาณ 5-10 บาทต่อ กิโลกรัม ขณะที่ราคาจำหน่ายในท้องตลาด เกรดเอ อยู่ที่กิโลกรัมละ 25-30 บาท เกรดบี กิโลกรัมละ 15-20 บาท และเกรดซี กิโลกรัมละ 10 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าราคาลองกองในปีนี้ตกต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา จังหวัดนราธิวาส จึงเตรียมนำนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับการแปรรูปผลผลิตลองกอง มาแนะนำให้แก่กลุ่มเกษตรกร ทั้งการแปรรูปด้วยการแช่อิ่ม แยม และผลิตภัณฑ์ดูแลหน้า เพื่อส่งเสริมการแปรรูปหารายได้เพิ่มแก่ครอบครัว
การแปรรูปลองกอง จึงน่าจะเป็นการสร้างตลาดให้แก่กลุ่มผู้ปลูกลองกองอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะการแปรรูปแล้วส่งไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการเสริมสร้างรายได้ และช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดโอกาสให้มีการนำผลผลิตที่เลื่องชื่อของจังหวัดมาพลิกวิกฤตราคาที่ตกต่ำในอีกทางด้วย
จากการสำรวจตัวเลขการปลูกลองกองในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ของสำนักงานเกษตรจังหวัดนราธิวาส พบว่า ปลูกใน 13 อำเภอ จำนวน 40,458 ราย คิดเป็นเนื้อที่ทั้งสิ้น 75,881 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้ 66,172 ไร่ ขณะที่ส่วนลองกองขนานแท้ในตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ มีเพียง 15,219 ไร่ ให้ผลผลิตเพียง 14,360 ไร่ แต่ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้แก่ท้องถิ่นเป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น